Title | : | สัญญาณเตือนตาย เล่ม 3 |
Author | : | |
Rating | : | |
ISBN | : | - |
ISBN-10 | : | 9786161837389 |
Language | : | Thai |
Format Type | : | Paperback |
Number of Pages | : | 410 |
Publication | : | Published October 1, 2020 |
สัญญาณเตือนตาย เล่ม 3 Reviews
-
เล่มสาม สามารถคืนฟอร์มความสนุก ลุ้นระทึก ชวนติดตามกลับคืนมาได้ ไม่นึกว่าเล่มนี้จะเดินเรื่องเร็วขนาดนี้
ผู้เขียนวางพล็อต วางตัวละคร วางหมากได้เก่งมาก สุดท้ายแล้วทุกคนทั้งตำรวจ คนร้าย ผู้เสียชีวิต ต่างมีความเกี่ยวข้องกันหมด เหมือน butterfly effect ที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องกันไป
เล่มนี้เฉลยทุกอย่างถึงจุดเปลี่ยนของหยวนจื้อปังที่ทำให้เค้าหันหลังให้กับตำรวจไปตั้งศาลเตี้ยพิพากษาเอง เหตุผลช่างรันทดหดหู่ใจและชวนเห็นใจ เข้าใจได้ว่าทำไมถึงเลือกเดินทางนี้ และทำไมถึงเลือกเด็กคนนี้เป็นยูเมนิดิส สายสัมพันธ์และความแค้นของพวกเขาลึกล้ำ พัวพันอย่างน่ากลัว
ยูเมนิดิสแล้วพื้นฐานไม่ได้เลวร้ายเป็นคนอ่อนโยนและเกือบจะกลับใจแล้วเพราะเริ่มมีความรัก แต่หยวนจื้อปังช่างร้ายกาจและคาดการณ์แม่นยำอย่างเหลือเชื่อ แม้จะตายไปแล้วแต่ได้วางหมากให้ยูเมนิดิสไม่เหลือทางถอย กำหนดชะตาชีวิตที่ไม่อาจย้อนคืน
แปลกใจที่จับยูเมนิดิสได้ตั้งแต่เล่มนี้ อีกสองเล่มที่เหลือจะเป็นยังไงนะ
จุดอ่อนเล่มนี้อยู่ที่ต่างฝ่ายต่างฉลาดเกินไป รู้เท่าทันกันเกินไป เราอ่านบางทีก็เอือมนิดนึงว่าเก่งกันอะไรขนาดนี้ แต่ด้วยความสนุกของการเดินเรื่องทำให้มองข้ามจุดนี้ไปได้ -
4.5 stars.
Deeply poignant and completely unpredictable!! -
#สัญญาณเตือนตาย (เล่ม 1-5)
เป็นอาชญนิยายสุดตื่นเต้นเร้าใจ เน้นการขับเคี่ยวกันชนิดหมัดต่อหมัดระหว่างทีมสืบสวนคดีพิเศษกับอาชญากรตัวเอ้ ทั้งสองฝ่ายผลัดกันรุก ผลัดกันรับ แต่ละคดีถือว่ามีความซับซ้อน แถมยังแตกแขนงต่อเนื่องเกี่ยวพันกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน
ชอบเทคนิคการเล่าเรื่องที่มีการผูกปมแบบผูกแล้วคลาย ผูกแล้วคลายไปเรื่อย ๆ ทำให้เรื่องน่าติดตาม ไม่มีช่วงเบื่อ ถึงแม้จะเดาไม่ยาก แต่ก็มีปมใหม่มาให้เดาอยู่เรื่อย เรียกได้ว่าสามารถจับจูงผู้อ่านให้ก้าวตามเรื่องราวไปได้แบบแทบลืมหายใจกันเลยทีเดียว
ชอบการดีไซน์ตัวละครให้มีบุคลิกสอดคล้องกับปูมหลัง ชอบการกระตุ้นให้เลือกระหว่างการยืนหยัดในหลักการกับมโนธรรม ชอบความหลากหลายของตัวละคร ชอบแนวคิดเรื่องบรรทัดฐานของความยุติธรรม ชอบปลายเปิดนิด ๆ ในตอนท้ายเรื่อง และที่ชอบที่สุด คือ บางจุดที่คิดว่าเหตุผลอ่อน อ่านไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอเหตุสนับสนุนที่ต้องยอมรับ
นับได้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มราคา และคุ้มค่ากับเวลาที่ใช้อ่าน...แนะนำ แนะนำ และแนะนำ สำหรับคอสืบสวนค่ะ :) -
เยี่ยมที่สุด สนุกจนวางไม่ลง
-
คลายปมได้ ดีงาม
-
ดราม่าสุด
-
จบเล่มสามด้วยความคดีพลิก โอ๊ยยยย โดนหลอก
ตอนแรกอุตส่าห์ภูมิใจ ว่าเดาคนร้ายได้คดีนึงละ
ตอนใกล้ ๆ จบคิดว่าเรื่องราวคลี่คลาย
แต่ที่ไหนได้ นักเขียนเขายังมีกั๊กไว้จ้า
ทำเซอร์ไพรซ์ให้คนอ่านได้อีก -
เล่มนี้กลับมาเป็นนิยายสอบสวนสืบสวนฆาตกรรมแล้ว
จะเป็นนิยายฆาตกรรม มันต้องมีคดี ต้องมีคนตาย มีกลวิธียากๆ แบบนี้สิ
ชอบการออกแบบการฆาตกรรม ฆาตกรรมในห้องปิดตาย การไล่ตามหลักฐานไปทีละขั้น การเฉลย ทำได้ดี
มีการเฉลยปมเก่าๆ ค่อนข้างครบ
การ profiling ฆาตกรทำได้ดี
ตอนจบหักมุมคาดไม่ถึง เฉลยได้น่าตื่นเต้น
แต่ก็มีส่วนที่รู้สึกว่าไม่ค่อยสนุกบ้าง
การดำเนินเรื่องบางตอน "เบียว" มาก มีคำพูดเบียวๆ สถานการณ์เบียวๆ เยอะ
ตัวละครประกอบเยอะ จริงๆ ให้พระเอกเป็น profiler คนเดียวเลยก็ได้มั้ง
บทความอ่อนโยน ความรัก พยายามใส่มาให้เรื่องดูมีเหตุผลขึ้น แบบนั้นรึเปล่า ไม่ค่อยอิน
คุณลูกสาว แม้จะเดาได้ แต่ไม่เคยพูดถึงมาก่อนในเล่มแรก ก็ดูยัดเยียดหน่อยๆ
ฆาตกรฆ่าหั่นศพ profile มาอย่างดี เริดหรู
แต่เหตุผลมันอ่อน และดูไม่เป็นเหตุเป็นผล
เท่าที่อ่านนิยายมา ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนั้น จะกลายเป็นรังเกียจเพศหญิง ชอบทุบตี ทำร้าย
ชอบเที่ยวโสเภณีแล้วตบตี ดูถูกเหยียดหยาม มากกว่าจะ impotent นะ
ไม่ใกล้ชิดพ่อ ก็ควรจะสนิทกับแม่ พอเจอแบบนั้น น่าจะเปลี่ยนเป็นเกลียดแม่ ไม่ใช่ impotent รึเปล่า
อันนี้รู้สึกพยายามจะสร้างเหตุผลไปหน่อย แถมยังมาตบท้ายด้วยเจอคนที่รักจริงแสนดีอีก น้ำเน่าไปนิด
คุณผู้การ ถึงจะพูดจาหลักการดูดีสวยหรูยังไง ก็เป็นแค่คนหนีปัญหา ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง
กล้าทำ ไม่กล้ารับ ดีแต่ปาก มีแต่คำพูด ไม่มีการกระทำ
ถึงอ่านแล้วหลักการเมตตาจะดูดี แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ช่วยเด็กคนอื่นยังไง ทำให้สังคมดีขึ้นตั้งแต่ต้นทางยังไง ไม่เห็นมี
มีแต่ไปปลูกผักปลูกดอกไม้ ไม่เข้าใจ
แถมพอคนที่ตัวเองดูแลมีปัญหา ก็หนีตลอด ไม่ยอมรับ ไม่จับ
ก็คือไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด ไม่กล้ายืดอกรับว่าตัวเองมีส่วนในอาชญากรรม ไม่แก้ไข
ปล่อยเลยตามเลย ใครจะตายก็ตายไป ไม่ลุกขึ้นมาเรียกร้องความยุติธรรมให้เหยื่อที่โดนฆ่า
ตอนจบหักมุมเฉลยได้ดีแล้ว แต่ไอ้ตอนสุดท้ายคืออะไร
ไปนั่งคุยกัน แล้วบอกเขาหมด ให้รอดตัวไปได้อีก
แบบนี้ก็ได้เหรอ ???
ก็สนุกนะ เทียบกับเล่มที่ 2 (ที่น่าเบื่อ)
(แต่บทแรกๆ ก็แอบน่าเบื่อ เล่าย้อนเรื่องผับ บรรยายซ้ำ บางตอนเหมือน copy-paste ข้อความมาด้วยซ้ำ)
แต่ก็มีจุดที่ไม่สมเหตุสมผล บ้งๆ อยู่พอสมควร
(ชมไป 6 บรรทัด นอกนั้นติหมด ตกลงมันดีไหม 555) -
กลับมาสนุกมากอีกแล้ว
สนุกตั้งแต่ต้นจนจบ มีทั้งปริศนาฆาตกรรมในห้องปิดตาย เฉลยปริศนาคดีฆ่าหั่นศพ และความลับคดีจี้ตัวประกัน ทุกอย่างขมวดจบในเล่มสาม (ในแง่นี้เล่มสี่คงเหมือนเป็นภาคใหม่ล่ะมั้ง)
พีคยิ่งกว่านั้นคือตอนจบหักมุมไปอีก ช่วงท้ายเล่มพลิกไปมาจนลุ้นระทึกว���าจะจบอย่างไร คืออย่าเขียนดีมากได้ไหม นึกคำสรรเสริญไม่ถูกแล้ว
ส่วนตัวชอบฉากสนทนากับติงเคอ แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ลึกซึ้งเ��้าถึงสัจธรรมยิ่งนัก เหมือนเหล่าจอมยุทธ์ได้เข้าไปสนทนาธรรมกับสุดยอดปราจารย์บนยอดเขาพันลี้ ลึกล้ำเหลือประมาณจริง ๆ
ห้าดาวยังรู้สึกน้อยไป -
ตื่นเต้นมาก กลับมาสนุก ระทึกอีกครั้ง หลากจากที่ดรอปไปในเล่มสอง เล่มนี้เฉลยตัวจริงของยูเมนิดิสแล้ว และเราก็เดาผิดอีกเช่นเคย และเฉลยทุกอย่าง เราได้เห็นชีวิต/ความเป็นมนุษย์ของยูเมนิดิส และความเทาๆของมนุษย์ทุกคน
ตลอดการอ่านเรื่องนี้ทั้งสามเล่ม จะมีคำถามผุดมาเสมอว่า การตัดสินคนร้ายของของตำรวจมันถูกต้องยุติธรรมจริงๆ เหรอวะ ทำไมมันมีคนที่ควรถูกลงโทษแต่ไม่ได้รับโทษ หรือสิ่งที่ยูเมนิดิสทำ มันถูกแล้วกันแน่นะ -
เนื้อหาในเล่มต่อจากเล่มที่สองทันที พอได้อ่านแล้วทำให้เข้าใจได้เลยว่าทำไมถึงมีการปูบทที่นานในเล่มก่อน ผู้แต่ง เขียนได้อย่างสนุกและล้ำลึกมากกว่าหลายๆเรื่องจริงๆครับ เขาได้สร้างตัวละคร Eumenides ให้เป็นตัวร้ายที่น่าจดจำ อีกทั้งการวางจังหวะและการเล่าเรื่องที่กระเทือนอารมณ์ยิ่งช่วงที่เฉลยความทำให้เข้าใจความปวดร้าวในจิตใจตัวละคร
-
ยังคงความสนุกและตื่นเต้นเอาไว้เช่นเดิม แม้จะมีตัวละครบางตัวที่ต้องสละชีวิตไป เรื่องราวทั้งหมดแทบจะถูกเฉลยเอาไว้ในเล่มนี้แล้ว และสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดสิบแปดปีก็ได้เข้าสู่บทส่งท้าย ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็น 'ชะตาลิขิต' จริงๆ
...แต่มันเหลืออีกสองเล่มนะ มันจะเป็นยังไงต่อ -
สนุก ในความรู้สึกคือยังเทียบเล่ม1ไม่ได้ อาจจะเพราะคาดหวังเยอะมั้ง แต่พลอตเล่มนี้ถือว่าดีมีความเดาออกบ้างไม่ออกบ้างปนๆกัน
ปล ชอบซีนอารมณ์ใดๆของหานเฮ่ามาก ลุ้นมากว่าจะลงเอยยังไง ลึกๆเราสงสารแฮะ แต่ก็คือจบแบบนี้ดีที่สุด แง -
4.5-5 stars.
-
เล่มนี้มันส์มาก อ่านไปปิดหนังสือสบถไป
-
อ่านจบแต่ละเล่มมีปมให้ลุ้นต่อตลอด นักเขียนเก่งสุดๆ สนุกลุ้นทุกตอนเลย
-
เล่ม3 คือสนุก ลุ้นแบบหายใจไม่ทั่วท้อง ลุ้นจนเหนื่อย
-
นิยายฆาตกรรม ได้กลิ่นอายครบทุกรส ความซับซ้อนในเล่มนี้ถือว่าทำได้เยี่ยม ไม่แพ้เล่มหนึ่งเล่มสอง ต้องอ่านเล่มสี่ต่อทันที
-
สนุกพอๆกับเล่ม 1
-
รีวิวรวมๆไว้ที่เล่ม 5 เล่มจบจ้า
-
อ่านเรียงกันมาตั้งแต่เล่ม 1 ถึงเล่ม 3 เสมือนว่าจบไป 1 ซีซั่น ส่วนเล่ม 4-5 น่าจะเป็นซีซั่นต่อไป (แต่ขอพักซักแป๊ปนะ เดี๋ยวค่อยกลับไปอ่านต่อ ^^) สำนวนการแปลมีกลิ่นอายของนิยายกำลังภายในเล็กน้อย ทำให้ภาษามีจังหวะจะโคนสวยงามและอ่านได้เพลิดเพลินดีมาก
เรื่องนี้เป็นแนวอาชญกรรม สืบสวน สอบสวน ที่สนุกน่าติดตามจนวางไม่ลง มีปมและการคลี่คลายปมที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน และก็มีที่มาที่ไ��ของแต่ละปมชัดเจน สิ่งที่น่าสนใจคือแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการกับคดีอาชญกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการถกกันที่สวนดอกเบญจมาศนั้น นับเป็นปรัชญาที่ควรกลับมานั่งขบคิดทบทวนกันจริงๆ -
edit: อ่านจบทั้งห้าเล่มแล้ว ชอบเล่มนี้สุด
อยากเคี้ยวเล่มนี้ลงกระเพาะ ตอนไล่ล่าก็ลุ้น ตอนเผชิญหน้าก็เท่ ตอนค่อย ๆ คลายทีละปมก็ดี ถ้าเล่มนี้เป็นอาหารก็คงเป็นอาหารที่กลมกล่อม ค่อย ๆ ละเลียดชิมอย่างอิ่มเอม ถึงแม้จะกลืนลงท้องไปแล้วแต่รสชาติยังอบอวลอยู่ในปาก เว้นก็แต่ตอนยู��มนิดิสกัดข้อนิ้วตัวเอง อันนี้สุดโต่งจนไม่น่าเชื่อ
ชอบที่เอานามธรรมมาเปรียบเทียบให้เห็นเป็นรูปธรรม เอาความรู้สึกและหน้าที่ของตำรวจมาเปรียบเทียบเป็นดอกเบญจมาศ ดอกที่เอนเอียงแปลกไปจากพวก จำเป็นต้องตัดทิ้งเพราะจะบดบังแสงแดดของดอกเบญจมาศดอกอื่น ๆ อันจะเป็นเหตุให้ดอกอื่นบิดเบี้ยวไปด้วย เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสวน มันคือกฎที่ต้องกำจัด มันคือการเอาหลักการเหตุและผลมาใช้ ในขณะที่หากมองลึกลงไปเพราะดอกเบญจมาศดอกอื่นต่างหากที่ไปแย่งอาหารดอกเบญจมาศดอกที่เอนเอียงนี้ สาเหตุที่ดอกนี้เอนเอียงเพราะโดนบดบังแสงมาก่อน รากก็โดนแย่งอาหารมาก่อน ดอกเบญจมาศดอกนี้จึงต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ตัวเองเติบโตโดยการเอนเอียงรับแสง และพยายามแย่งอาหารจากรากอื่นกลับคืนมา ถ้ามองตามความรู้สึกคือควรช่วยดอกเบญจมาศดอกนี้ มีวิธีอีกมากมายที่จะไม่จำเป็นต้องกำจัดดอกที่เอนเอียง มันพยายามที่จะเติบโตมามาก ๆ แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะไม่เอื้ออำนวย ในส่วนนี้ชอบมากเห็นภาพได้ง่ายและชัดดี
เล่มนี้เป็นเล่มที่เอาซี่โครงมาเป็นหน้าปกพร้อมมีเส้นสายพัวพันกันไปหมด อาจจะแสดงให้เห็นถึงการไล่ล่าระหว่างตำรวจและยูเมนิดิส ความสัมพันธ์ระหว่างติงเคอ ติงเจิ้น หยวนจื่อปัง ไป๋เฟยเฟย หลัวเฟย เมิ่งอวิ๋น เหวินหงปิง เฉินเทียนเฉียว ยูเมนิดิส (ต่อให้เฉินเทียนเฉียวไม่ยั่วยุเหวินหงปิงจนหยวนจื่อปังต้องยิง ด้วยนิสัยของหยวนจื่อปังไม่ช้าก็เร็วยังไงยูเมนิดิสก็ต้องเกิดมาอยู่ดี) รวมถึงคนอื่น ๆ อีกมากมาย และคดีในอดีตที่เกี่ยวโยงพาดพิงมาถึงปัจจุบัน ไม่อาจหาเส้นสายปลายเหตุที่แท้จริงได้เพราะแต่ละเส้นต่างพันกันอิรุงตุงนังไปหมด เมื่อเหตุและผลทั้งหมดพัวพันเข้าด้วยกัน ทุกคนล้วนเป็นต้นตอ ทุกคนล้วนเป็นผู้รับเคราะห์
เล่มถัดไปเจอกันในคุก! -
เล่ม 1 สนุกมาก (ให้คะแนนได้แค่ 5 ดาว แต่ใจอยากให้ 10 ไปเลย)
เล่ม 2 สนุก (เป็นเล่มเปลี่ยนผ่านฆาตกรคนใหม่ เล่าถึงที่มาที่ไปและจุดเริ่มต้น ความฉลาด ความหลักแหลม ความพลิกแพลงยังออกมาไม่สุด อันนี้เข้าใจได้)
เล่ม 3 พอใช้ หวังให้เล่มนี้สนุกเพราะแทบไม่ต้องมาพูดถึงจุดเริ่มต้นอะไรของ Eumenides เหมือนเล่ม 2 แล้ว คาดหวังไว้ก่อนอ่านว่าเรื่องน่าจะต้องสนุกขึ้นได้แล้ว นึกย้อนไปถึงเล่ม 1 ที่อ่านแล้วประทับใจมากจนแทบอยากจะกราบเช้ากราบเย็น แต่เอาเข้าจริงๆเล่มนี้ก็ยังสนุกได้ไม่ถึงครึ่งของเล่ม 1 เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะมีเฉลยอดีตของ Eumenides คนใหม่มากขึ้น รวมถึงคดีที่��กี่ยวข้องด้วย แต่โดยรวมแล้วก็ยังสนุกได้ไม่สุด ความเจ้าเล่ ความซับซ้อนของคดีของตำรวจและตัวฆาตกรมันไปไม่สุดเหมือนเล่ม 1 สามารถอ่านได้เรื่อยๆ แต่ไม่มีจุดไหนที่พีคเลย ไม่มีความตุ้งแช่ ไม่มีช็อตจุดพลุเลย มีแต่ความเรียบง่าย ขนาดว่ามีการเฉลยฆาตกรในคดีอื่นร่วมด้วยก็ยังไม่ประหลาดใจหรือประทับใจอะไรเลย
แต่ก็ยังจะอ่านเล่ม 4-5 ต่อนะ
คาดหวังแหละพูดตรงๆ